6 ขั้นตอน เผยแพร่คอนเทนต์ ของคุณอย่างมืออาชีพ
เคยสังเกตกันไหม? ว่าทำไมคอนเทนต์ของคุณไม่ได้รับความสนใจหรือไม่ได้รับความนิยม ทั้ง ๆ ที่คอนเทนต์นั้นก็ดี มีคุณภาพ แถมเผยแพร่มานานแล้ว หรือสาเหตุจะมาจากคุณไม่ได้ เผยแพร่คอนเทนต์ เท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น เรามี 6 ขั้นตอนเพื่อให้คอนเทนต์ของคุณได้รับการเข้าถึงที่มากขึ้นมาฝากกัน
6 ขั้นตอน เผยแพร่คอนเทนต์ ง่ายด้วยตัวเอง
1.ค้นหากลุ่มเป้าหมายให้เจอ
ก่อนที่จะลงมือทำคอนเทนต์ ต้องมีการวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะทำคอนเทนต์ไปเพื่ออะไรหรือทำไปเพื่อใคร ลองหากลุ่มเป้าหมายของคอนเทนต์ก่อน ดูว่ากลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นอยู่ที่แพลตฟอร์มไหนบ้าง และสร้างคอนเทนต์เพื่อเสิร์ฟไปยังกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง
2.ศึกษาคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ
หลังจากหากลุ่มเป้าหมายของคุณเจอแล้ว ลองดูว่าในช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ มีคอนเทนต์ไหนที่สามารถทำงานได้ดีและดึงดูดให้ผู้คนสนใจได้มากที่สุด ลองศึกษาและวิเคราะห์ดูว่าพวกเขาเหล่านั้น ชอบอะไรในคอนเทนต์นั้นและลองนำวิธีเหล่านี้มาปรับใช้ เพื่อให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและใช้เนื้อหาในประเภทที่เหมาะสม
3.สร้างชื่อเสียง เพิ่มการมีส่วนร่วม
การสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลต่อความนิยมของคอนเทนต์คุณได้อย่างมาก ถ้าหากว่าคุณมีชื่อเสียง เวลาที่คุณ เผยแพร่คอนเทนต์ ใหม่ ๆ กลุ่มเป้าหมายก็จะเข้ามาคุณเอง ซึ่งตรงนี้นี่แหละที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมได้
4.ตามฟีดแบคเรื่อย ๆ
ตรวจดูฟีดแบคจากผู้อ่านหรือเพื่อน ๆ ของคุณว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคอนเทนต์ของคุณบ้าง เพราะบางทีคุณอ่านเอง อาจจะคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่จริง ๆ อาจจะยังมีข้อผิดพลาดหรืออาจจะดีกว่านี้ได้อีกก็ได้ อาจจะตรวจหาฟีดแบคจากการถามตรง ๆ เลยก็ได้ เพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงคอนเทนต์ของคุณให้ดีขึ้น
5.ใช้อีเมลในการเผยแพร่
ถ้าการเผยแพร่ทางช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายอยู่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพที่ดีพอ ลองใช้อีเมลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายดูไหม ถ้ายิ่งเรามีข้อมูลอีเมลของกลุ่มเป้าหมาย เพียงสร้างอีเมลสักฉบับ ที่รวบรวมคอนเทนต์ที่ต้องการนำเสนอและส่งออกไป อาจได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้นและนี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การกระจายเนื้อหาอีกด้วย
6.ลองใช้เงินในการโฆษณา
บางทีเงินอาจเป็นวิธีในการแก้ปัญหาที่ดีได้ หากใช้เงินให้ถูกที่ ถูกเวลา บางคอนเทนต์จำเป็นต้องมีการจ่ายเงินเพื่อทำการโฆษณาและเข้าถึงคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผลลัพธ์ก็ต้องมาลองดูอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ของคอนเทนต์คุณนั้นดีขึ้นก็ได้
ที่มา : [1]