4 สัญญาณของ มนุษย์เงินเดือน ที่ควรลาออกจากงานที่เก่าได้แล้ว
มนุษย์เงินเดือน ในไทยนั้น มีผลสำรวจออกมาว่า คนไทยมีความสุขกับงานที่ทำ มีความคาดหวังในแง่บวกต่อการทำงานเสียส่วนใหญ่ และมีความคิดที่ว่า ชีวิตในการทำงานต้องดีกว่าเดิมในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นทัศนคติที่ดีของคนไทยต่อการทำงานอยู่ไม่น้อย
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุขกับการทำงานเสมอไป การลาออกอาจเป็นหนทางแก้ปัญหาแรกที่ผุดในความคิดของเหล่ามนุษย์เงินเดือน แต่การลาออกนั้นจำเป็นที่จะต้องคิดและตระหนักให้ดี แล้วเมื่อไรดีล่ะที่ควรจะลาออกจากงานเดิมอยู่ ถ้าหากพบว่าคุณมีสัญญาณเหล่านี้เกินครึ่ง คุณควรเริ่มคิดที่จะลาออกจากงานได้แล้ว
มนุษย์เงินเดือน ทำงานมานาน แต่ยังไม่มีความสุขกับงานที่ทำ
การทำงานในระยะยาวนานหลายปี แต่ยังไม่มีความสุขกับงานที่ทำ การทำงานทุกครั้งเปรียบเสมือนต้องทนทำงานทุกครั้ง นั่นบอกได้เลยว่าเป็นสัญญาณในอันดับแรกที่คุณควรเปลี่ยนงาน หรือลาออกจากงานได้แล้ว และควรวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงว่า ที่คุณไม่มีความสุขกับงานเป็นเพราะอะไร สายงาน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ถ้าหากว่าเป็นที่สายงานแล้วละก็ ถ้าหากเปลี่ยนงานแต่ยังเป็นงานสายเดิมอาจจะไม่ช่วยอะไร ลองคิดว่าเปลี่ยนสายงานดีไหม?
หรือจะเป็นที่เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย การเปลี่ยนงานอาจช่วยได้ในเบื้องต้นเท่านั้น ให้ลองคิดดูว่าถ้าเราเจอคนแบบเดิม พฤติกรรมเหมือนเดิม เราจะรับมืออย่างไรดี
ทำงานแล้ว คุณกลับไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
แน่นอนว่าการทำงานคือการเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้ให้มากขึ้น แต่เมื่อคุณทำงานไปนานๆ แต่คุณกลับไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ไม่มีการพัฒนาใดๆ เหมือนนั่งรอรับเงินเดือนให้ผ่านพ้นไป ให้คิดดูว่านั่นเป็นเพราะตัวคุณเอง หรือเป็นที่ทำงาน ที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้
ถ้าสาเหตุหลักเกิดจากตัวเอง ขาดความกระตือรือร้น ขาดความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ให้ปรับปรุงตัวเองเสียใหม่ ลงเรียนภาษา พัฒนาความรู้ เทคคอร์สสัมมนาความรู้ในด้านที่ตัวเองต้องใช้ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง
แต่ถ้าเกิดจากการทำงานเป็นหลัก ทุกครั้งที่คุณทำงาน พบว่าคุณไม่ได้ความรู้อะไรใหม่จากงานที่ทำเลย นั่นคงจะหนีไม่พ้นการเปลี่ยนที่ทำงาน เพื่อพบเจองานใหม่ที่เรียนรู้มากกว่า
ขาดความก้าวหน้า ค่าตอบแทนไม่กระเตื้อง
ต้องยอมรับเลยว่า ในปัจจุบันนั้น หลายคนทำงานเพราะเรื่องค่าตอบแทนเป็นหลัก แต่บางสายงานค่าตอบแทนในเบื้องต้นอาจจะไม่มาก แต่ในอนาคตมีความก้าวหน้าสูง สามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายทิศทาง บางคนเลือกที่ความก้าวหน้าของงานก็มี
แต่ถ้าหากทำงานมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ปราศจากความก้าวหน้า ค่าตอบแทนไม่เพิ่มขึ้น หรือเพิ่มน้อยมาก อาจจะถึงเวลาที่ต้องบอกลา เซย์กู๊ดบายได้เลย ทางที่ดีควรศึกษา Career Path หรือความก้าวหน้าของสายอาชีพ ว่าในอนาคตเมื่อเราได้ทำงานในสายงานนี้ สามารถเติบโตได้ถึงขนาดไหน เรียกได้ว่าเป็นการวางแผนสำหรับการทำงานในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ทำงานหนักเกินไป กระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
สำหรับคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับทัศนคติต่อการทำงานแบบ Work Life Balance เป็นอย่างมาก ซึ่งการทำงานหนักในแบบดั้งเดิม เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต แทบไม่ได้อยู่ในหัวของคนรุ่นใหม่เลย ดังนั้นการทำงานแบบที่มีจุดสมดุลในชีวิต ได้ใช้เวลากับตัวเอง พักผ่อน ออกกำลังกาย มีเวลาให้กับครอบครัว เป็นการทำงานในฝันของคนในยุคปัจจุบันนี้เลยทีเดียว
การทำงานหนักจนเกินไป จนเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพหรือจิตใจก็ตาม ก็จะวนลูปไปยังข้อแรก คือทำให้คุณไม่มีความสุข เมื่อไม่มีความสุข ประกอบกับภาวะร่างกายทรุดโทรม ทำให้เราหมดไฟในการทำงาน ทุกอย่างจะแย่ลงไปหมด ดังนั้นจึงควรจัดสรรเวลาสำหรับการทำงานให้ลงตัว ถ้าหากแก้ไขแล้วยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การลาออกอาจเป็นหนทางที่เหมาะที่สุดก็เป็นได้
ถ้าหากคุณกำลังเผชิญสัญญาณเหล่านี้ ให้ลองเก็บไปคิดดูว่าการลาออก และย้ายงานจะช่วยคุณได้หรือไม่ ไม่มีใครตอบคุณได้ดีเท่าตัวของคุณเอง ถึงแม้ว่าบทความนี้จะตระหนักให้คิดเกี่ยวกับการลาออกจากงาน แต่ก่อนลาออกควรคิดให้ดีก่อนว่า มีงานที่อื่นรองรับแล้วหรือไม่ ลาออกไปแล้วจะทำอะไรต่อ จะเริ่มกิจการของตัวเอง หรือจะย้ายที่ทำงาน ต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม เพราะการตกงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มีงานอย่างน้อยก็เป็นการการันตีว่ามีเงินใช้ ตกงานแล้วปราศจากเงินเก็บนี่คือเรื่องใหญ่กว่ามาก
ติดตามบทความและสาระดีๆ จาก Digitalmarketing Wow พร้อมเสิร์ฟถึงมือคุณได้ที่ Facebook, Twitter และ Line @marketingwow