การตลาดสุดเปรี๊ยงของ Taylor Swift ศิลปินชื่อดังที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเพลงเท่านั้น
Taylor Swift คนที่ฟังเพลงสากลในยุคปัจจุบันนี้คงได้ยินชื่อของเธอในฐานะนักร้อง ศิลปิน และนักแต่งเพลง รวมไปถึงข่าวรักๆ เลิกๆ กับผู้ชายในวงการหลายคน แต่ใครเลยจะไปรู้ว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ นั้น ยังมีทีมการตลาด Marketing ที่สตรองเอามากๆ เริ่มเปลี่ยนแนวเพลงจาก Country ไปสู่แนว Pop ที่มีตลาดกว้างกว่า ขยายไปยังนอกสหรัฐอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเธอเพิ่มมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม
เริ่มลบรูปภาพทั้งหมด ในทุกช่องทาง Social Media
ก่อนที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ จะเผยเพลงและข้อมูลต่างๆ ในอัลบั้ม Reputation นั้น เธอได้ลบรูปภาพทั้งหมด ออกจาก Social Media ของเธอ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Twitter หรือแม้กระทั่งใน Line@ ก็ยังลบ จนกระทั่งคนเริ่มสงสัยว่าอัลบั้มใหม่ของเธอมาปลายปีนี้อย่างแน่นอน จนเกิดกระแสแฮชแท็ก #TS6IsComing เป็นที่กล่าวขานกันอย่างมาก ผู้คนเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของเธอ จนกระทั่งในวันที่ 21 สิงหาคม 2017 เริ่มปล่อยคลิปวิดีโอเพื่อบอกใบ้ถึงเพลงใหม่ที่จะได้ฟังตามมา
MV เพลง Look What You Made Me Do เผ็ด แซบ มีรายละเอียดจนต้องดูหลายๆ รอบ
ใครที่ติดตามจะทราบได้ว่าเรื่องชีวิตส่วนตัวของ Taylor Swift นั้น ตกเป็นข่าวมากพอสมควร ลองมาไล่ดูไทม์ไลน์กันว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นข่าวมีอะไรบ้าง
- ปี 2012 Taylor Swift และ Katy Perry ผิดใจกันเรื่องแดนเซอร์
- มิถุนายน 2016 Kanye West ปล่อย MV Famous ซึ่งเนื้อเพลงมีชื่อ Taylor อยู่ด้วย
- เกิดสงครามน้ำลายย่อมๆ ระหว่าง Taylor Swift และ Kanye West
- Kim Kardashian West ภรรยา Kanye West ออกมาแฉด้วยการเปิดเผยคลิปเสียงของ Taylor โดยใชอีโมจิรูปงูเพื่อสื่อถึง Taylor
Wait it's legit National Snake Day?!?!?They have holidays for everybody, I mean everything these days! 🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍🐍
— Kim Kardashian West (@KimKardashian) July 17, 2016
จะเห็นได้ชัดเลยว่า ใน MV เพลง Look What You Made Me Do ของเธอ เต็มไปด้วยรายละเอียดที่กล่าวถึงข่าวคราวที่เคยผ่านมา ซึ่งสาวกของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้วิเคราะห์แล้วว่าคนที่โดนหนักสุดคงจะหนีไม่พ้น คานเย่ เวสต์ (Kanye West) และคิม คาร์เดนเชียน (Kim Kardashian) รองลงมาคือ เคที่ เพอร์รี่ (Katy Perry) และยังมีคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทั้งหมดนี้คนที่ดู MV จะเป็นเรื่องยากที่จะเก็บรายละเอียดทั้งหมดว่ากล่าวถึงใครบ้าง จนถึงต้องกลับมาดูซ้ำๆ เพื่อตีความในแต่ละฉากว่า Taylor Swift ได้พาดพิงถึงใคร มีความนัยอย่างไร
นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลอยู่ไม่น้อย เพราะในวันที่ผู้เขียน กำลังเขียนอยู่นี้ (06-09-2017) MV Look What You Made Me Do ใน YouTube นั้น ได้ทำลายสถิติเป็นวิดีโอเปิดตัวที่มียอดวิวสูงที่สุด ภายใน 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 42.3 ล้านครั้ง และยังครองบัลลังก์วิดีโอที่ทะยานขึ้นสู่ 200 ล้านวิว เร็วที่สุดอีกด้วย
ต้องทำมาหากินต่อเนื่อง ขายของที่ระลึกใน MV
เทย์เลอร์ สวิฟต์ มาคราวนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะขายทุกสิ่งที่เธอใส่ใน MV Look What You Made Me Do ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ I ❤TS รวมไปถึงแหวนงูที่เธอสวม และยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมาก ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง แค่ MV เพลงเดียว ก็ขายของได้ ในเว็บไซต์ของเธอเอง
วันวางจำหน่ายอัลบั้ม และวันปล่อยเพลง ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว เพื่อปูหนทางสู่รางวัล Grammy Awards
ในวงการเพลงของสหรัฐอเมริกา รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงจะหนีไม่พ้น Grammy Awards ซึ่งศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง รวมไปถึงผู้ที่ทำงานในวงการเพลง ต่างใฝ่ฝันที่จะได้รางวัลนี้มาครอบครอง แต่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้วางแผนการปล่อยซิงเกิลเพลงและอัลบั้ม เพื่อปูทางสู่ Grammy Awards ไว้แล้ว
ลองย้อนดูว่า กำหนดการปล่อยอัลบั้มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ มักจะเป็นช่วงปลายปีเสมอ
- อัลบั้ม Taylor Swift วางจำหน่าย 24 ตุลาคม 2006
- อัลบั้ม Fearless วางจำหน่าย 11 พฤศจิกายน 2008
- อัลบั้ม Speak Now วางจำหน่าย 25 ตุลาคม 2010
- อัลบั้ม Red วางจำหน่าย 22 ตุลาคม 2012
- อัลบั้ม 1989 วางจำหน่าย 27 ตุลาคม 2014
- อัลบั้ม Reputation จะวางจำหน่าย 10 พฤศจิกายน 2017
เมื่อมองดูแล้วกำหนดการวางแผง จะอยู่ในช่วงเดือน ตุลาคมและพฤศจิกายน ที่ต้องวางแผงช่วงสองเดือนนี้มีเหตุผล นั่นคือเธอจะได้มีสิทธิ์ส่งเพลง Single และอัลบั้ม นำเสนอให้กับ Grammy Awards แยกกันคนละปียังไงล่ะ เพราะในทุกๆปี การจัดงานประกาศผลของแกรมมี่จะมีช่วงตัดรอบผู้ที่มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัล ยกตัวอย่างเช่น Grammy Awards ในครั้งที่ 60 จะจัดวันที่ 28 มกราคม 2017 ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลต้องส่งผลงานเพลงในช่วง 1 ตุลาคม 2016 – 30 กันยายน 2017 ถ้าเกินหลังจากนั้นจะส่งเข้าชิงได้ใน Grammy Awards ครั้งต่อไป
ซึ่งเทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้ปล่อยซิงเกิลเพลงก่อนที่จะวางแผงอัลบั้มแน่นอนอยู่แล้ว ทำให้เธอมีสิทธิ์ที่จะส่งชื่อเข้าชิงรางวัลในปีนี้ สำหรับซิงเกิลเพลง และส่งอัลบั้มในปีถัดไป ทำให้ชื่อของเธอถูกพูดถึงเต็มๆ ในช่วงระยะเวลาทั้งสองปี นับว่าชาญฉลาดไม่เบา
แต่การที่จะส่งชื่อเข้าชิงและเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลได้นั้น แค่กำหนดวันวางแผงอย่างเดียวก็คงไม่พอ แน่นอนว่าต้องมีฝีมือเช่นกัน (ใน MV Look What You Made Me Do มีฉากที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ถือรางวัลแกรมมี่เหมือนกันนะเออ)
อยากดูคอนเสิร์ต Taylor Swift เร็วๆ ต้องทุ่มเท เปย์ให้หนัก!
การจับจองคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เพื่อป้องกันการซื้อขายตั๋วผี จึงได้เริ่มระบบ Verified Fan เปรียบเสมือนการต่อคิวออนไลน์ เพื่อให้ได้จับจองบัตรคอนเสิร์ตของเธอ แต่ถ้าอยากจะลัดคิวเพื่อจองบัตรก่อนใครต้องเปย์ให้หนัก ด้วยการซื้อสินค้า หรืออัลบั้มของเธอ ทำให้คุณได้สิทธิ์ลัดคิวจองคอนเสิร์ตอยู่ในลำดับต้นๆ เทย์เลอร์ได้ทั้งขึ้นได้ทั้งล่อง ตั๋วคอนเสิร์ตก็ขายได้ อัลบั้มและของที่ระลึกก็ขายออก นี่มันการตลาดที่แยบยลชัดๆ
จะเห็นว่าทุกอย่างที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ ทำนั้น นี่มันคือการตลาดล้วนๆ เพื่อให้อัลบั้มและเพลงของเธอเป็นที่พูดถึง ใช้หลักการของ Digital Marketing การตลาดออนไลน์ผสานกับการตลาดแบบออฟไลน์ได้อย่างลงตัว แน่นอนว่าแค่ตัวศิลปินเพียงคนเดียวอาจทำได้ยากถึงขนาดนี้ แต่ทีมการตลาดของเธอต้องแข็งแกร่ง สตรอง มีการวางแผนเป็นอย่างดี อาจกล่าวได้ว่าการประสบความสำเร็จของ Taylor Swift นั้น มีการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยนั่นเอง
ติดตามข่าวสารจาก Digitalmarketing Wow ได้ที่ Facebook, Twitter และ Line @marketingwow